Tuesday, May 1, 2007

Just “Move On”


เลิกแอบเสียที วิทยา แสงอรุณ 28-29 เมษายน 2007

“พี่...ผมทำแล้วนะ...” ได้ยินอย่างนั้น ผมอดกระหยิ่มยิ้มย่องจนออกนอกหน้าไม่ได้ ดีนะที่เขาไม่เห็นหน้าผม

แล้วเขาก็วางสายไป ฟังน้ำเสียงดูแล้ว ผมเดาว่า เพื่อนรุ่นน้องคนนี้ของผมคงจะสบายใจขึ้นที่สุดท้าย เขาก็ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ น่าแปลกนะครับ คนเราตัดสินใจอะไรไปแล้ว แต่ก็ยังอยากให้ใครบางคนเป็นคนบอกให้ทำ สงสัยเผื่อไม่สำเร็จ อย่างน้อยก็จะได้มีใครบางคนไว้คอยโทษไง?

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ “นายคณิต” มาบอกผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ไปเจอผู้ชายคนหนึ่งส่ง “สายตา” มาให้ เจ้าของดวงตาคนนั้นเป็นพนักงานอยู่ในร้านของห้างแห่งหนึ่ง ปกติคณิตก็ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นคนนี้มาก่อน ทั้งสองคนเป็นแปลกหน้าของกันและกันอย่างแท้จริง

“แล้วรู้ได้ไงว่า เขาสนเราน่ะ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ เพราะนายคนนี้มีแนวโน้มเป็นคนชอบคิดอะไรเข้าข้างตัวเอง

“ต้องใช่สิพี่ ดูเหมือนเขาจะยิ้มให้ผมเป็นพิเศษ ไม่รู้สิ ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ตรงนั้นนี่ แล้วอีกอย่าง ตอนผมจ่ายตังค์ เขายังเอานิ้วมาโดนมือผมด้วย”

แค่เนี้ยะนะ? บังเอิญชัดๆ…

ผมเลยถามเขาย้ำอีกทีว่า แล้วรู้ได้ไงว่า สายตาหรือรอยยิ้มที่หนุ่มคนนั้นส่งมาให้ มีความหมายอื่น นอกจากพนักงานแสดงความเป็นมิตรกับลูกค้า?

“รู้สิครับ ก็ตอนก่อนจะออกจากร้าน ผมยังแกล้งถามไปว่า น้องครับ มาทำงานที่นี่ทุกวันเลยเหรอครับ เขาก็ตอบผมเลยทันที ไม่มีลังเลเลยนะครับ แล้วก้อน้ำเสียงเขาก็ดูอ่อนลงด้วยนะพี่ ไม่เหมือนประโยคก่อนหน้านี้ เหมือนเรารู้จักกันมานานแสนนาน ผมยังรู้สึกร้อนวูบวาบ ใจสั่นตอนเขาส่งยิ้มทิ้งท้าย ต้องใช่แน่ๆ เลย”

ตอบมาเป็นพรวนเชียว คง “อิน” จริงๆ

สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมนึกถึงคุณผู้อ่านที่เข้าไปเขียนความเห็นในบล็อคของบทความคอลัมน์นี้ จากหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวกับพื้นที่สำหรับแสดงตัวตนที่มีจำกัด แล้วก็มีความเห็นต่างๆ ว่า มนุษย์สีรุ้ง กว่าจะเจอกันได้ ก็คงแต่ในผับ บาร์ ซาวน่าหรือยังไง?

ถ้านายคณิตเกิดได้แฟนเพราะไปเดินห้าง คงจะดีไม่น้อย เอ...หรือถ้าเป็นแค่ “ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” ล่ะ? ก็คงสุดแล้วแต่เขาสองคน ถ้าคนเราปิ๊งกัน คบกันได้นานๆ ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็ถือว่า เรามีโอกาสรู้จักมนุษย์ในโลกเพิ่มอีกคน จะเป็นไรไป?“งั้นอย่างนี้...ต้องทำให้รู้ว่า เราก็สนเขาด้วย ขอเบอร์เลย”

ผมคิดว่าจะแนะนำไปตามที่ว่านั้น แต่มาคิดๆ ดู จะเป็นไปได้ยังไง อยู่ๆ ก็ไปขอเบอร์ชาวบ้าน? ถ้าเขาไม่ให้ คนขอคงหน้าแตกยับเยิน ผมเลยบอกเขาว่า ไปที่นั่นอีกคราวหน้า ก็เขียนเบอร์ตัวเองในกระดาษไว้เตรียมไว้ มีจังหวะ ยื่นเลย

อีกสองสามวันต่อมา มันคงอดรนทนไม่ไหว ผมเองก็อยากจะรู้ว่า หนุ่มคนนั้นยิ้มให้เพราะมีใจ หรือนายคณิตคิดไปเอง แต่ผมก็ไม่คิดว่า เพราะแรงยุของผม มันจะทำ

“พี่...ผมทำแล้วนะ ผมก็เขียนเบอร์เอาไว้อย่างที่พี่บอกผมแหละ เนี่ย ยังต้องแกล้งเขาไปเตร่ๆ ดูของ แล้วก็ซื้อออกมาด้วย ไม่ได้อยากซื้อหรอกไอ้ของนั่นน่ะ แต่ผมก็ถ่วงเวลารอจังหวะน่ะพี่ ตอนลูกค้าคนอื่นไม่อยู่แถวนั้น พอส่งของแล้วจ่ายตังค์ให้เขา ผมยังถามเขาด้วยนะว่า เลิกงานกี่โมง หยุดวันไหน เขาก็ตอบผมหมดเลยนะครับ อย่างนี้แล้ว ใช่ชัวร์เลยพี่ พอได้เงินทอน ผมก็ยิ้มให้ที แล้วก็เอากระดาษโน้ตนั่นวางไว้บนเคาน์เตอร์เลย โหย ตอนนั้น มีลูกค้าผู้หญิงผู้หญิงมายืนตรงนั้นด้วย ไม่รู้เห็นหรือเปล่า”

“แล้วเราส่งยิ้มให้สำทับอีกทีหรือเปล่าล่ะ” ผมถาม

“จะยิ้มอะไรล่ะพี่ เขินจะตาย ผมเผ่นแนบออกมาจากร้านแทบไม่ทัน”

เหตุการณ์นั่นเพิ่งจะเกิดเมื่อสองสามวันที่แล้ว คุณผู้อ่านเคยนั่งรอโทรศัพท์จากใครบางคนแบบทรมานจิตใจหรือเปล่าครับ? นายคณิตบ่นว่า ไม่เห็นน้องคนนั้นโทรมาหาซะที แทบทุกชั่วโมง เขาจะคอยมองโทรศัพท์ การงานไม่เป็นอันทำ ว้าวุ่นงุ่นง่านไปหมด

“เขาคงยุ่งอยู่มั้ง หรือไม่ก็ เขาแค่รู้สึกดีที่มีใครบางคนสนใจ หรือไม่ก็ เป็นคนชอบหว่านเสน่ห์ อย่าคิดมากเลย ผ่านมาผ่านไปนะ” ผมพยายามปลอบ ผมเองก็เสียดายนะครับที่สิ่งที่นายคณิตทำไปจากแรงยุของผมมัน “ไม่เวิร์ค”

“พี่ครับ ผมว่า ผมจะไปนั่งรอตอนเขาเลิกงาน ตอนสามทุ่ม จะดีมั๊ยพี่ ให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย รอโทรศัพท์อย่างนี้ ทรมานจะตาย ผมว่าจะชวนน้องเขาไปนั่งคุยกัน”

“แล้วถ้าเกิดเขาไม่อยากไปกับเราล่ะ”

“ไม่รู้สิ แต่ผมอยากรู้นี่ครับ”

ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะออกหัวหรือออกก้อย

“เอาเลย...ยังไงๆ เราก็ซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วยนะ เอาเป็นข้ออ้าง และแสดงน้ำใจ ถ้าเขาไม่ออกไปกับเรา ก็ทำใจนะ เข้าใจมั๊ยคำว่า Move On น่ะ”

ผมว่าจะไม่ยุ่งแล้วเชียวนะ เรื่องชาวบ้าน แต่มันน่าสนใจซะทุกเรื่องสิน่า

นายคณิตคงคิดคำนวณดูสถานการณ์อยู่ แต่ก็ดีนะครับ เขาไม่ถามผมว่า มันจะใช้เวลาแค่ไหนที่จะทำใจ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่า ถ้าคนเราผิดหวัง ไม่ได้อะไรอย่างที่ตั้งใจ แต่เรายังมองโลกในแง่ดี และมองด้านดีของสิ่งที่ตัวเองทำ มองด้านดีของอีกฝ่าย เราคงไม่ใช้เวลานานเกินไปที่จะกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง แล้วเราจะ Move On กับชีวิตเราต่อไป มันไม่มีอะไรแย่ไปตลอดหรอก

แต่ตอนนี้ที่แย่ก็คือ ผมรู้สึกทรมานจัง เพราะอยากจะรู้ว่า เขาจะกล้าไปชวนน้องคนนั้นมั๊ย?

-end-

19 comments:

Anonymous said...

เสื้อสายเดี่ยวสวยมากค่ะ


// แงะ ไม่เห็นเกี่ยวกับคอมเม้นต์
สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...
This comment has been removed by a blog administrator.
Anonymous said...

สุดท้ายก็หาอ่าน blog ล่าสุดของคุณจนได้ ตกลงต้องย้ายมาที่ใหม่ถาวรหรือเปล่าครับจะได้ add in favourite ไว้

สำหรับเรื่องของคุณคณิต ผมเอาใจช่วยครับ เพราะเคยอยู่ในสถาณการณ์นั้นเช่นกัน เนื่องจากมักจะเป็นคนเปิดเกมส์รุกก่อนเสมอ ดังนั้นโอกาสประสบความสำเร็จ และหน้าแตกอยู่ในอัตราใกล้เคียงกัน คือ 50/50 แต่ปัจจุบันเลิกแล้วครับ เพราะหาคนที่ใช่พบแล้ว

ให้กำลังใจคุณคณิตครับไม่ว่าจะ success or fail ชีวิตต้องดำเนินต่อไปครับ

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่

พอดีไม่ได้อ่านคอมเมนต์ของบทความก่อน ยังนึกเลยว่า ทำไมอาทิตย์นี้พี่ยอด อัพเดดช๊าช้า

ผมว่า ลุ้นแบบนี้คงมาแบบรักต้องลุ้มนะครับ 50-50 60-30 70-30 ผลจะบอกมาเป็นแบบไหน Up Date ด้วยนะครับ

เผื่อผมเอาไปใช้บ้าง เพราะผมเองตอนนี้ก็มีบ้างที่มองกันไปกันมา กะเอาไว้ว่าซัก 90-10 (90%เนี่ยเข้าข้างตัวเอง 55+) แต่ก็ดีกว่าเนอะพี่ที่มีคนให้แอบชอบ รู้สึกยังเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่บ้าง ไม่เป็นบังแล้งน้ำ มองไปทางไหนก็เห็นคนเดินเป็นคู่กันหมด ทำไมมีแต่เราหว่าที่อยู่คนเดียว

ว่างๆจะมาเปิดสมาคมคน(โฉด) เอ้ย โสดที่นี่บ้าง 55+

Anonymous said...

อืม ขาประจำยังไม่เข้ามาตอบ กลัว Block จะเงียบเหงา ขอตอบก่อนละกัน
สงสัยเหมือนกันว่าพี่วิทหายไปไหน วันแรงงานแล้วยังไม่ Update Blog
แอบไปใช้แรงงานทำอย่างอื่น จนไม่สบายหรือเปล่า
ไอ้เราก็เป็นห่วง...ที่แท้ก็ไปช่วยนายคณิตลุ้นอยู่นี่เอง
เอ้า...ช่วยลุ้นอีกคน ถ้า Work คราวหน้าจะได้กล้าแจกเบอร์คนที่สู้สายตาเราซะหน่อย
คิดเข้าข้างตัวเองมานานแล้ว

Anonymous said...

ลองเทสต์ดูครับ คอมเม้นท์ คอมเม้นท์

Vitaya Saeng-Aroon said...

ตอนนี้แก้ commments moderation แล้ว
ครับ ใครโพสต์ ก็ขึ้นหมดอัตโนมัติ ไม่ต้องมี
approval อะไร (ตอนแรกลืมปลดล็อคใน
settings)

ก้อ คงใช้บล็อคนี้ไปพลางๆ ก่อนล่ะครับ มีคนชวนไป
ทำบล็อคที่ truelife.com ก็สนใจน่ะครับ
มี tools เยอะดี ใครเป็นสมาชิกอยู่ที่นั่น
หรือเคยเข้าไปใช้ มี comments อะไร แนะนำ
ได้นะครับ

Anonymous said...

แก้ตัวที่ font อ่านไม่ได้ครับ

เย้ ได้อ่านแล้ว หลังจาก รอ รอ รอ มา นาน.....
....ฉลอง blog ใหม่.....

ชอบเนื้อหาที่พี่เขียนครับ
"แต่ผมเชื่อว่า ถ้าคนเราผิดหวัง ไม่ได้อะไรอย่างที่ตั้งใจ แต่เรายังมองโลกในแง่ดี และมองด้านดีของสิ่งที่ตัวเองทำ มองด้านดีของอีกฝ่าย เราคงไม่ใช้เวลานานเกินไปที่จะกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง แล้วเราจะ Move On กับชีวิตเราต่อไป มันไม่มีอะไรแย่ไปตลอดหรอก"

ผมเองก็อยู่ในช่วงเตรียม move on เหมือนกัน...เตรียมกระดาษ เขียนเบอร์ไว้แล้ว...แต่ไม่รู้จะยื่นให้ใคร....พี่ยอดช่วยรับที่ได้ป่าว....555

ในวันที่ฝนพรำ....move on move on ;)

Anonymous said...

ในเรื่องการให้เบอร์ หรือการเปิดช่องทางใดๆเพื่อการรู้จักขั้นต้นโดยไม่คาดหวัง(นายคณิตยังคาดหวังเกินไปนิดนึง) ผมสนับสนุนเพราะว่า
1.มันแค่ขั้นต้นของมหากาพย์ หลายคน(ที่อายุหรือประสบการณ์น้อย)มักคิดว่าการให้เบอร์อาจทำให้เป็นแฟนกัน และอาจได้เป็นคู่รักกัน ซึ่งเกินจากชีวิตจริงไปไกลโข... การจะหาคนที่น่าสนใจอาจต้องเห็นหน้าคน 1000คน ต้องคุยกับคนน่าสนใจเหล่านั้นอีกสัก150คนจะได้แฟน 1คน จะหาคนมาเป็นคู่รักได้อาจต้องมีแฟนมาแล้ว 10คน ก่อนวันสุดท้ายของชีวิตที่เราอยากมี”เขา”เคียงข้าง “เขา”อาจเป็นคู่รักคนที่ 3ของคุณ คูณดูซิคับ กว่าคุณจะได้เจอ”เขา”1คนต้องรู้จักเกย์กี่คน แล้วลบด้วยเกย์ที่รู้จักในปัจจุบัน นั่นคือจำนวนนามบัตรที่คุณต้องสั่งพิมพ์แล้ว....มหากาพย์จริงๆ อย่าฝันเฟื่องว่าเจอคนน่ารัก ชอบกันเป็นแฟนกัน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...ตลอดไป โลกของเกย์ไม่ได้หมุนแบบนั้น

อย่าแก้ตัวว่าไม่หาหรอก...ไม่มีก็ไม่เอา มนุษย์ถูกกำหนดมาแล้วให้มีคู่ คุณต้องการแต่คุณอาจหาอย่างอื่นทดแทนได้บ้าง แต่แค่บรรเทาหรือหันเหความสนใจไปทางอื่น

2.จะนั่งรอถูกเลือกหรือจะเป็นฝ่ายเลือกบ้าง ผมเคยได้ยินคำถามว่าเวลาลูกสาวออกไปเที่ยวแล้วมีคนมาพูดคุย คุณคิดว่าลูกสาวคุณควรปฏิบัติอย่างไร คำตอบคือให้พูดคุยด้วยในฐานะที่เพิ่งรู้จักและอาจเป็นเพื่อนกันได้ และคุณควรสอนให้ลูกสาวเริ่มพูดคุยเช่นนี้กับคนที่เธอสนใจด้วย
สรุปว่าเราทุกคนควรเปิดโอกาสให้ตัวเองเป็นผู้เลือก การนั่งรอเป็นฝ่ายถูกเลือกนั้นทำให้เราไม่ได้สำรวจความต้องการของตัวเองอย่างถ้วนถี่ แต่เป็นการรับข้อเสนอของเขามาพิจารณาเท่านั้น
แล้วถ้ามีคนมาเสนอไม่กี่คนล่ะ หรือถ้าเรากำลัง”ตกมัน”(อยากมีแฟน+อาการหน้ามืด)ล่ะ?

และจงระวังการ”รีบสรุป” เพราะกลัวจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกหรือกลัวโดนว่าๆเป็นสุวรรณมาลี เห็นเพื่อนหลายคู่ที่”รีบสรุป”แล้วบอกตัวเองเลยว่า “ฉันจะอยู่กับคนที่ฉันขาดเขาไม่ได้ ไม่แค่อยู่ด้วยแล้ว(คิดว่า)มีความสุข”

โดยสรุปแล้ว หากเรารักตัวเอง อยากมีโอกาสรักหรือถูกรักโดยเราร่วมกำหนด หรืออย่างน้อยก็มีคนคุยด้วยเพิ่มขึ้นอีกคนนึง คนทุกคนล้วนมีสิ่งดีงาม และความรักคือการให้ ออกไปพบโลกและให้โอกาสโลกนี้ได้พบตัวคุณสิ Move on!!! go go go...

Unknown said...

อ่านคอมเม้นต์ คุณ Cyui แล้ว รู้สึกว่ "เจนเวทีโลก" มากๆ เลยค่ะ ยอมรับความคิดมากๆ เลยค่ะ

คนเรารักกันไปเพื่ออะไรคะ?
คนเรารู้จักกันไปเพื่ออะไร?
คนเราทำความคุ้นเคยกันไปเพื่ออะไรคะ?

เพื่อเซ็กส์
เพื่ออบอุ่นทางด้านจิตใจ
เพื่อหาเพื่อนใจ
เพื่อตามหาส่วนที่ขาดหาย (มนุษย์คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิการนะคะ เพราะทุกคนต้องตามหาส่วนทีขาดหาย)
เพื่อความสนุก
เพื่อผูกพัน


คนเรารักกันไปเพื่อะไร?
สงสัย สงสัย

Anonymous said...

ในที่สุดก็ได้อ่านซะที พี่วิทย์นี่มีปัญหาบ่อยกับการลงบทความนะคะเนี่ย ส่วนเรื่องนี้ ไม่มีความเห็นค่ะ

Vitaya Saeng-Aroon said...

มนุษย์เป็นสัตว์โลกขี้เหงาน่ะ พี่วิทย์ว่างั้นนะ
เพราะตอนเรามา เราก็มาคนเดียว เลยอยาก
มีเพื่อนและมีความอบอุ่นมั้ง (ยกเว้น คนมา
เป็นแฝดกัน แต่แฝดกันก็ไม่ได้หมายความว่า
ฉันจะไม่เหงานี่นา)

การลงบทความนี่ไม่ได้เป็นปัญหาของพี่นาครับ
แต่เป็นปัญหาของสถานที่ลงมากกว่าเด้อ....

ฝนตก...อย่าเหงา เปล่าเปลี่ยวหัวใจเกินไป...
ใครเหงาๆ เศร้าๆ อยู่ หาอะไรทำซะ

Anonymous said...

ตอบคุณสาวอิสานฯ
ขอบคุณคับ(ผมถือว่าเป็นคำชม)ที่บอกว่าผมเจนโลกมากๆ แต่ผมก็พยายามเข้าใจโลกด้วยเช่นกันนะคับ
ผมว่าคนต้องการความรัก ก็เพราะเป็นสัตว์สังคม และเราพัฒนามายาวนานและซับซ้อนกว่าสัตว์สังคมใดๆ เพราะฉะนั้นการรู้จัก ความคุ้นเคย และความรัก คือควาต้องการของเราเพราะเรารักตัวเอง ตอบสนองความต้องการของตัวเอง
ส่วนความรักนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากตัวเอง
และไม่ให้สิ่งใด นอกจากตัวเอง (คาริล ยิบราล)

ผมคิดว่าความรักทำให้คนเป็นสัตว์ประเสริฐนะ

กลับมาที่เรื่องการให้และขอเบอร์
ใครมาขอเบอร์ผม ผมจะให้หมดเพราะแปลว่าคนขอนี่กล้าหาญและคิดดีแล้วถึงมาขอ และถ้าเข้าตากรรมการ ผมจะขอเบอร์เขาไว้ด้วยให้เขาทราบว่านี่เป็นเรื่องจริงจัง และผมยินดี
และเวลาผมขอเบอร์ใคร ก็จะเข้าไปคุยอย่างยิ้มแย้ม smoothค่อยเป็นค่อยไปบ้าง หรือทะลุกลางปล้องบ้างแล้วแต่สถานการณ์จะอำนวย จะให้-ไม่ให้ก็ยิ้มมันลูกเดียว กูได้ทำแล้ว น่ารักว่ะ ชื่นใจแล้วแค่นี้...

Anonymous said...

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สีลมซอยสอง เมื่อหลายปีก่อน ร้านเจเจ ป้าโจแอน กำลังร้องเพลงจนน้ำลายแตกฟองอยู่
สาวอิสานเดินขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่ชั้นสอง (ห้องน้ำมันอยู่บนชั้นสอง)

มีผู้ชายอ้วน ขนยุบยับ ไปยืนดักที่ทางขึ้น แล้วกระซิบออกมาแบบพอให้เราได้ยินว่า

"น่ารักจังเลย" สาวอิสานฯ หันไปรอบๆ ว่า เขาพูดถึงใคร เพราะทางขึ้นก็มีเราเพียงคนเดียว เลยได้แต่ยิ้ม แล้วยักคิ้วให้

ขาลงมา หมูอ้วนคนนั้น ยังยืนรอใครอยู่ก็ไม่รู้

"ขอเบอร์หน่อย" เขาตั้งใจพูดกับสาวอิสานค่ะ

สาวอิสานฯเลย หยิบมือหมูอ้วนขึ้นมาแบบออก แล้วเอาปากกาเขียนลงไป

"(อะไรสักอย่างนี้แหละอิอิ)@yahoo.com รออ่านอยู่"

แล้วหมูอ้วนก็เมล์มาคุยด้วย

สาวอิสานว่า การเขียนจดหมายคุยกันก็ดีเหมือนกันนะคะ คุยกันผ่านโทรศัพท์บางทีเราก็ไม่ได้กรองประโยคอะไรมาก และเขียนจดหมายคุยกับน่าจะทำให้ได้รู้จักกันมากกว่า เพราะอย่างน้อยก่อนที่เราจะเขียนออกมาเราก็ต้องคิดก่อนแล้ว

สุดท้ายเราก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
"การทำความรู้จัก" กัน ก็ดีกว่าไม่รู้จักกันนะคะ
ดีหรือไม่ดีก็จะได้รู้กัน
จะเพื่อนหรือจะไม่เพือนก็จะได้รู้กัน

ดีกว่า ปฏิเสธ ออกไปห้วนๆ
คนขอก็เสียหน้าและความรู้สึก
รักษาน้ำใจกันค่ะ

คนเราเจอกัน ปิ๊งกัน ไม่จำเป็นต้อง "อึ๊บ" กัน หรือรักกันเสมอไป

อย่างกรณีนี้กลายเป็นเพื่อนกันที่คุยกันได้หลายๆ เรื่อง
ไม่ได้แร่ดนะคะ
ไม่ได้รักเผื่อเลือกนะคะ
ไม่ได้อ่อยนะคะ

รู้จักกันไว้ไม่เสียหายใช่ไหมคะ?

ที่เอามาเล่าให้ฟัง เพราะจะได้ฝากบอกไปยัง นักคำนวณ ท่านนั้นว่า การที่เราได้เบอร์ใคร ไม่ได้แปลว่า มันจะจบลงด้วยการรักกันนะคะ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของการได้เรียนรู้นิสัยของอีกคนหนึ่งต่างหากค่ะ

สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

ตอบสาวอิสานรอรัก

ผมเห็นด้วยทุกประการคับ ผมได้เพื่อนจากวิธีนี้ก็มาก ผมจึงอยู่ข้างเดียวกับสาวอิสานตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เรื่องของนายคณิตมันเดินมาทางนี้น่ะคับ

รักที่รอน่ะ เจอรึยังคับ ลองเปลี่ยนมาแจกรูปถ่ายสไตล์ปกเทปลูกทุ่งพร้อมลายเซ็นน่าจะโดนใจหนุ่มๆแถวนั้นนะคับ......สาวอิสานอนุรักษ์นิยม

Unknown said...

ตอนนี้ตีสี่ค่ะ นอนไม่หลับ เลยมาเปิดบล๊อกคุยกับคุณวิทยา และเพื่อนๆ ค่ะ
...

สิ่งที่เห็นอาจจะไม่เป็นอย่างไรที่คิดก็ได้นะคะ
ที่มาตัดสิน สาวอิสานรอรักจากตัวหนังสือน่ะค่ะ
แต่ก็ยอมรับค่ะ ว่าเป็นคนอนุรักษ์นิยมค่ะ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคนทัศนคติเปิดด้วย

ถ้าคิดถี่ถ้วนดีแล้ว ว่ามันคุ้มกับการทดลองเพื่อเป็นประสบการณ์ และหากมันไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็ยินดีทดลองเพื่อหาข้อสรุปคะ

เกิดมาไม่เคยตัดสินว่าใครดี หรือไม่ดี
เหมือนผู้หญิงปากแม่ค้า คนนั้นที่ชื่อว่า ระเบียบ...
กรุณาเติมคำในช่องว่างให้ถูกต้องและตามใจคุณ
ก.จัง
ข.นะ
ค.ลัด
ง.จ้า
จ. ไม่มีข้อใดถูก

คุณค่าของคนอยู่ที่จิตใจค่ะ ไม่ได้อยู่ที่เงินทองที่หามาไม่มีใครเลือกเกิดได้นี่คะ ถ้าเลือกเกิดได้ทุกคนก็คงจะเลือกเกิดมาในที่สบายๆ ไม่ลำบาก ว่าไหมค่ะ

เรื่องรอรัก ก็รออยู่ค่ะ รอจนเหี่ยว ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหลือไว้ทีความทรงจำค่ะ และคิดว่าก็คงจะได้รอต่อไปเรื่อยๆ เพราะความรักคืออะไรก็ไม่รู้ บางทีอาจจะมีความรักอยู่ในมือแล้ว แต่สิ่งที่ถืออยู่นั้นเราอาจจะไม่รู้ว่านั้นคือความรักค่ะ

ความรักอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ คนเราจะอยู่ด้วยกันได้ ต้องการปัจจัยอื่นๆ อีกเยอะๆ แยะๆ ค่ะ ยังไม่เคยเห็น ชายรักชายท่านไหนอยู่กันได้ยืดยาวเลย ส่วนใหญ่มักมีอุปสรรค ที่ต้องช่วยกันฝ่าฟัน

โดยส่วนตัว สาวอิสานรอรักก็กลัวใจตัวเองด้วยค่ะ คือ สาวอิสานรอรักเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง หาคนเข้าถึงเราและเข้าใจเราได้ยาก สาวอิสานรอรักเป็นคนคิดมาก และคิดซึ้ง ดึกๆ ดื่นๆ ไม่ยอมหลับยอมนอน นั่ง ทำนั้น ทำนี้ เขียนนั้น เขียนนี้

ได้มีเพื่อนๆ เข้ามาคุยด้วยก็ช่วยแก้เหงาค่ะ
และก็ขอบคุณคุณวิทยาด้วยที่เปิดพื้นที่ส่วนนี้ให้เราได้รู้จักกัน มีมึตรภาพให้กัน

ขอโทษด้วยที่มาเพ้อเจ้อยาวๆ นะคะ
เพราะคืนนี้ ฉันเหงาค่ะ (เปิดเพลงฉันเหงาของพี่ปุ๊ อัญชลีอยู่ค่ะ)

อ่อ อีกเรื่องหนึ่งนะคะ
เพื่งจะไปดูเรื่อง ME MySelf มาค่ะ ดุแล้วก็ปวดหัวค่ะ "มันเป็นปัญหา ทอมดี้ในหมู่เกย์ค่ะ"
กะเทย กับชะนี จะตีฉิ่ง คิดไปแล้วก็ปวดหัวค่ะ
แต่ชอบเรื่องนี้ตรงที่รูปสวยค่ะ ไม่รู้ว่าผุ้กำกับอยากบอกอะไรกับคนดูแน่ๆ นะคะ เท่าที่สมองรับได้คือ
แค่เธอรักฉันนั้นก็พอแล้ว
อย่างอื่นไม่สำคัญว่าเธอจะเป็นอะไร
เหมือนประโยคที่เปิดท้ายเรื่องน่ะค่ะ
"แค่เธอยังรักฉันก็พอแล้ว" (ขอโทษนะคะที่สปอย"

และอีกทฤษฏีหนึ่งที่สาวอิสานเชื่อค่ะคือ เมล็ดพันธ์ชีวิตของเราเป็นอะไร เติบโตมาเราก็จะเป็นอย่างนั้น ทานตะวันปลูกลงเดิน มันก็กลายเป็นทานตะวัน ไม่มีวันกลายเป็ฯกุหลาบ อันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผู้ชายยังไงมันก็เป็นผู้ชาย ถึงแม้จะเติบโตมาในดงเกย์ค่ะ

สิ่งที่เกลียดมากๆ ที่เขานำเสนอในเรื่อง คือ ผู้ชายมีลูกมีเมียแล้ว ยังเจ้าชู้ หาเศษ หาเลยอีก มันเห็นแก่ตัวมากๆ ค่ะ อย่างน้อยก็น่าจะให้ข้อมูลกันบ้าง อย่างน้อยคนฟังจะได้ช่างใจว่า จะก้าวไปข้างหน้าต่อไป หรือจะถอยหันมาตั้งหลัก

ถ้าเป็นไปได้ สาวอิสานรอรักก็อยากจะสุญเสียความทรงจำแบบนั้นบ้างค่ะ ตื่นขึ้นมาจะได้จำอะไรไม่ได้ แล้วจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยไม่เคยรับรู้ว่าหัวใจเจ็บช้ำมาแล้วกี่รอบ สาวอิสานรอรักจะเข้ากรุงเทพเมื่อไหร่จะแวะมาบอกค่ะ จะไปเดินในซอยเปลี่ยวที่ไหนก็จะบอกไว้ เผื่อเพื่อนจะได้เอาสากกะเบือไปฟาดหัวสาวอิสานรอรักให้สูญเสียความทรงจำบ้างน่ะค่ะ แล้วก็ให้ผู้ชายที่มีหัวใจดีมาก ขับรถมาชนสาวอิสานรอรักด้วยนะคะ จะได้ตื่นมาแล้วลืมทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ

สุดท้ายนี้แล้วมีความรู้สึกบางอย่างตอนนี้ที่กำลังเป็นอยู่อยากมระบายให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ

"หากจะมีนางฟ้าแสนซนสักองค์หนึ่ง
ลงมาเที่ยวเล่นบนโลกเสียเพลิดเพลิน
จนหาทางกลับสวรรค์ไม่เจอ
เธอหลงทาง จนไปเจอเด็กชายหน้าตามอมแมม
ร้องไห้สะอึกสะเอื้อนซุกซ่อมซ่มอยู่โดยลำพัง
นางฟ่าเกิดความสงสารและกล่าวขึ้นว่า
เด็กน้อยเอ๋ยเพื่อเห็นแก่วัยเยาว์
และความน่ารักของเจ้า
เพื่อให้ข้าได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าสักครั้ง
ข้าจะให้พรแก่เจ้าข้อหนึ่ง
เจ้าจะขอสิ่งใด
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ปาดน้ำตาแล้วบอกว่า
ถ้างั้นขอให้ฉันได้ลืมอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นได้เสียที"

-บุญรักษา-
ขอโทษด้วยค่ะที่เพ้อเจ้อเสียยาว

Vitaya Saeng-Aroon said...

ชอบอ่านคอมเม้นท์ครับ เขียนยาวไม่ว่ากัน แต่มาอ่าน
แล้วไม่ทักกันนี่สิ เจอให้...จะ...อืมม์ นะ

Anonymous said...

ชอบความเห็นของคุณ cyui จังเลยครับ
ตัวหนังสือคุณมีเสน่ห์มากเลยนะ

ขออนุญาตเป็นสาวอิสานฯแจกเบอร์หมูอ้วน
bigblueth@ยาฮู/เมล์ร้อน ก็ได้

big

Anonymous said...

อ่าน blog คุณสาวอิสานแล้วนึกถึง หนังเรื่อง Miss Potter ครับ โดยเฉพาะความสามารถในการเล่านิทาน

อย่างไรก็ตาม สักวันหนึ่ง สาวอิสาน คงได้พบรักกับ หนุ่มอิสาน หรือ หนุ่มเหนือ หรือ หนุ่มใต้ หรือ ..............................ครับ :)