Sunday, May 27, 2007

Poltergay: เกย์ผีขี้เล่น

เลิกแอบเสียที
วิทยา แสงอรุณ 26-27 พฤษภาคม 2007 เซคชั่น MetroLife จาก นสพ. ผู้จัดการรายวัน วันเสาร์

ใครได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้แล้วอาจจะทำคิ้วขมวด และอีกอย่าง บ้านเราไม่ค่อยได้ดูหนังฝรั่งเศสเกี่ยวกับเกย์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เลยน่าสนใจไม่น้อย

“Poltergay” เป็นคำล้อเลียนศัพท์ “Poltergeist” (โพลเตอร์ไกสต์) ซึ่งหมายถึงปรากฏการณ์ทางจิตอย่างหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ เช่น ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังอาบน้ำอยู่ แว่วเสียงฝีเท้าเดินย่ำไปมาอยู่บนชั้นสอง หรือเสียงกระซิบ รวมถึงเห็นข้าวของในบ้านลอยไปลอยมาได้ แต่คนอื่นๆ รอบข้างกลับไม่รับรู้สิ่งเหล่านั้น

คำว่าโพลเตอร์ไกสต์ มาโด่งดังทั่วโลกก็เพราะหนังคลาสสิคสยองขวัญจากฮอลลีวู้ดในชื่อเดียวกัน (ชื่อไทยเก๋ๆ ว่า ‘ผีหลอกวิญญาณหลอน’) ฉายปี 1982 ทำออกมาแล้วหลายภาค แต่ดังสุดก็ภาคแรกนี่แหละ

คนอายุยี่สิบปลายๆ คงจะจำภาพโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ได้ เป็นภาพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่บนเตียงแล้วยกมือสองข้างทำท่าราวกับกำลังติดต่อสื่อสารกับใครบางคนผ่านจอทีวีที่มีแสงสว่างออกมาอย่างน่าฉงน

แต่ในหนังตลกของฝรั่งเศสเรื่อง “โพลเตอร์เกย์” ของผู้กำกับหน้าใหม่อีริค ลาเวียง (Eric Lavaine) ผีไม่ได้ออกมาจากทีวีแล้วดูดเด็กเข้าไปในทีวี แต่อาศัยอยู่ใต้ถุนบ้าน และเป็นผีเกย์ที่ถูกกักบริเวณไว้ที่นั่นนานกว่าสามสิบปี ทุกๆ คืน ผีเกย์ขาแดนซ์ห้าตนเหล่านี้จะออกมาวาดลวดลายดีสโก้กันเป็นประจำ

เจ้าของบ้านสองคนคือมาร์คและเอ็มม่า ซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่และไม่รู้มาก่อนว่า ที่นั่นเคยมีดิสโก้เกย์อยู่ในห้องใต้ถุนและเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้มาก่อน ทุกๆ คืน สามีหุ่นบึ้กผู้นิยมใส่เสื้อยืดรัดรูปตลอดเวลาโดนผีอำจนเกือบสติแตก ขณะที่ภรรยาก็เริ่มไม่แน่ใจว่า สามีกำลังนอกใจ มีใครแอบซ่อนไว้ หรือแท้จริงแล้ว สามีเป็นเกย์?

อาการขี้เล่นของเหล่าผีเกย์ทำให้เอ็มม่าตัดสินใจย้ายออกไป เพราะสามีเริ่มแปลกๆ ขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะตื่นมากลางดึกแล้วบอกว่าได้ยินเสียงปาร์ตี้กับเพลงดิสโก้ พูดกับใครที่มองไม่เห็น หรืออยู่ๆ ก็บอกว่า เห็นบั้นท้ายของผู้ชายหายวับไปในกำแพงตอนกำลังมีอะไรกับหล่อน และยิ่งหลุดโลกมากขึ้นเมื่อสามีใส่กางเกงขาสั้นอาบน้ำ หล่อนเลยตัดสินใจคิดจะแยกทาง ด้วยความรู้สึกผิด เหล่าเกย์ก็ตัดสินใจช่วยกู้สถานการณ์

หนังนำเสนอความสัมพันธ์และสถานการณ์วุ่นวายของเหล่าผีเกย์กับหนุ่มบึ้กที่เปลี่ยนจากศัตรูคู่อาฆาตเป็นเพื่อนผู้เข้าใจ ใครเคยดูรายการเรียลลิตี้ชื่อดัง “Queer Eye for The Straight Guy” คงนึกภาพออกว่า เขาแก้สถานการณ์กันยังไง

ในหนัง คุณจะได้รู้จักเพลงดังในยุคนั้นอย่าง “Rasputin” ของวงนักร้องผิวหมึก Boney M. ได้ฟังกันบ่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นละมังครับเพราะในเรื่องเหล่าเกย์มีกิจวัตรประจำคือเต้นเพลง Rasputin แถมยังชอบแต่งตัวล้อเลียนวงขวัญใจชาวสีรุ้งยุค 70 คือ Village People

ผมคิดว่า หนังเรื่องนี้เกือบจะได้เป็นหนังตลกคลาสสิคในดวงใจของผู้ชมหลายๆ คนนะครับ เพราะมีองค์ประกอบแห่งความบันเทิงเกือบครบทุกรสที่จะทำให้คนที่เคยดูแล้วอยากจะดูอีก ทั้งเพลง นักแสดง บทสนทนาเก๋ๆ ตัวละครมีสีสันหลากหลาย อย่างหมอผีคนนั้นที่ชอบกิน junk food หรือกระทั่งแมวที่เห็นผีแล้วหวีดร้องน่าสงสารตลอด

แต่ว่ามีบางอย่างที่น่าเสียดาย ตัวละครแต่ละตัวมีอะไรน่าสนใจไม่น้อย และตัวหนังก็มีพล็อตประกอบบางอย่างที่น่าติดตามและจะช่วยให้ตัวละครมีพัฒนาการไปด้วยกัน ที่สำคัญได้เปิดประเด็นปูทางไว้แล้ว แต่จู่ๆ ก็หายไป ความยาวหนังที่มีเหลือเฟือน่าจะเอาประเด็นเหล่านี้มาสานต่อได้อย่างสนุกสนาน ออกรสชาติหลากหลาย

ผมไม่แน่ใจว่า คนที่ไปดูแล้ว มีความเห็นคล้ายๆ กันหรือเปล่าโดยเฉพาะ ตัวพระเอก (นำแสดงโดย Clovis Cornillac) ถึงแม้เขาจะฟิตหุ่นเข้าสเปคกรรมการ หน้าตาก็ไม่เลว แต่เขากลับนำเสนอบทของมาร์คในเรื่องนี้ออกมาในมิติเดียวคือ มาร์คผู้จริงจังและดูเครียดกับชีวิตไปซะทุกเรื่อง

การแสดงแนวนี้ ผมคิดว่า น่าจะเหมาะมากๆ กับบทดราม่าหนักๆ ที่ชวนให้คนดูลุ้นไปกับการแก้ปัญหาชีวิตที่ดูตื้อต้นไปซะทุกด้าน แต่อย่าลืมนะครับ ทุกปัญหามีทางออก และอย่าคิดว่า ตัวเองมีปัญหาแบบนั้นอยู่คนเดียว

ใครที่คิดว่า ทำหนังคอมดี้เกี่ยวกับเกย์หรือกะเทยนั้นทำง่าย เพียงแค่แต่งตัว แต่งหน้าประหลาดๆ วิ่งไล่กันไปมา ตีหัวกัน หรือเอาปืนมายิงใส่กันตอนจบ นี่ก็เป็นหนังอีกประเภทหนึ่งนะครับ ที่น่าไปลองดู เพราะผมคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดของหนังก็คือ การใส่ความคิดที่อยู่ในภายใต้บทสนทนาตลกๆ นั้นๆ

นอกจากต้องเป็นคำพูด และมุขตลกที่ต้องให้ทุกๆ คน “เก็ท” ซึ่งหมายถึงผู้ชายผู้หญิงทั่วไปก็ต้อง “เก็ท” ด้วยแล้วเนี่ย หนังตลกเกี่ยวกับเกย์ หรือกะเทยไม่น่าจะทำออกมาแล้วทำให้คนเป็นเกย์ หรือกะเทยดูโง่ๆ หรือมีค่าเพียงสิ่งกระตุ้นต่อมความฮา หรือประทับความรู้สึกเห็นใจเพราะรู้สึกสมเพชไว้ในใจผู้ชม

ความแยบคายในคำพูดที่ดูตลกและมุขตลกนั่นแหละที่ยาก และจะเป็นตัวตัดสินว่า คนดูเก็บอะไรไปคิดได้บ้างมั๊ย หลังจากเสียงหัวเราะจางหาย และที่สำคัญทำให้เป็นหนังที่ดูแล้ว และอยากจะดูอีก ไม่ใช่เป็นเพียงหนัง “soon-to-forget” ดูแล้วก็ผ่านเลย ลืมไปได้ ยากจัง...

สำหรับ Poltergay สิ่งที่ต้องปรบมือให้กับผู้กำกับก็คือ การนำเสนอภาพของเหล่าผีเกย์ออกมาได้อย่างเป็นมิตร แม้พฤติกรรมจะดูหลุดโลก คนดูทั่วไปที่ไม่ได้เป็นชาวสีรุ้งก็เข้าใจเรื่องราวและเข้าใจได้ ไม่ได้รู้สึกเวทนาตัวละคร ผมเชื่อว่า ดูแล้วก็คงอดเอ็นดูพฤติกรรมของเหล่าผีเกย์ไม่ได้ และมีคนมองเกย์ในแง่บวกเพิ่มขึ้น

ภาพยนตร์ใช้ชื่อไทยอย่างเป็นทางการว่า “ผีเกย์ เก๋ 24 ชม.” ฉายที่โรงหนังสยาม สยามสแควร์ ไปชมสองท่านได้รับของที่ระลึกเป็นวีซีดีเพลงประกอบหนังฟังเพลินๆ กับตัวอย่างหนัง http://www.poltergay-lefilm.com/accueil.htm

-end-

All rights reserved.

5 comments:

Anonymous said...

09.00 น. แวะเข้ามาอ่านค่ะ อ่านไปอ่านมา เหมือนมันเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำทุกวันจันทร์ คล้ายๆ กับว่า คุณวิทยามีหน้าที่เขียน สาวอิสานรอรักและเพื่อนๆ ก็มาทำหน้าที่อ่าน เหมือนเราต้องมาคุยกันทุกวันจันทร์น่ะคะ

อ่านไปแล้ว คิดว่าจะออกไปตั้งสติ แล้วกับมาเขียนใหม่ค่ะ เพราะตอนนี้ สติสตังไม่ค่อยอยู่กับตัวค่ะ ด้วยว่ามันเพลียมากๆ ค่ะ เสาร์อาทิตย์ เดินทางไปได้แก่ 1000 กิโลเมตรได้มั้งค่ะ ทั้งเดินป่า ทั้งขับรถ ทั้งปั่นจักรยานภูเขา (พา ฝรั่งที่ข้ามฝั่งมาจากสะหวันนะเขต สะพานมิตรภาพ 2 ไป survey เส้นทางค่ะ "เส้นทางเดินป่าในอิสานตอนบน" - สาวอิสานดูแมนมากเลยนะคะ เดินป่าแถมนอนเต้นท์ เกย์ป่าไม้?)

คือที่แวะเข้ามาตอนเช้านี้ ก็เพราะว่า คุณวิทยาพูดถึงเพลง Rasputin ค่ะ พูดถึงเพลงนี้แล้วอยากกรี๊ดค่ะ
ไม่อยากเชือว่าเราเกิดมานานแล้วค่ะ (หดหู่) ถ้าใครเกิดมาทันเพลงนี้นะคะ สันนิษฐานได้เลยค่ะ ว่าอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปี เพราะมันแต่งขึ้นเมื่อประมาณ ปี 1970 ค่ะ เหตุที่ได้ฟัง เพลง ที่บ้านเป็นนักฟังเพลงกันทุกคนค่ะ

-- โอยจะเป็นลม -- นี่เราแก่แล้วหรือ?

เชิญไปเช็คอายุ กับเพลงนี้ ที่ลิงค์นี้ค่ะ (ถ้าใครได้ยิน intro แล้ว คุ้นทันที ก็ยินดีต้อนรับ สู่ระบบนิเวศวิทยาของคนอายุเลยสามสิบ ค่ะ

http://www.radioblogclub.com/search/0/rasputin

** ขอตัวไปชงกาแฟก่อนค่ะ**

สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

5555
ม่ายด้ายดูอ่ะ

Anonymous said...

19.30 น. ขออนุญาต ออกนอกเรื่องนะคะ พอดีอ่านเจอ ค่ะ เลย อยากเอามาบอกกัน สำหรับท่านที่ชอบอ่าน ชอบเขียนนะคะ

หนังสือ "ช่อการะเกด" (นักอ่านเรื่องสั้นคงทราบกันถ้วนหน้า) จะกลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง ตอนนี้ ท่านสามารถสั่งเรื่องสั่งไปเพื่อพิจาณาได้ที่
ตู้ ปณ. 1143 ปท.ดอนเมือง กรุงเทพฯ 10211

เพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในนิตยสาค ช่อการะเกด ฉบับที่ 42 หมดเขตรับผลงานวันที่ 15 สิงหาคม 2550 ค่า

ปล. Cyui ค่ะ มีคนอยากรู้จักคุณค่ะ กับไปอ่านในคอมเม้นต์ เก่าๆ ย้อนหลัง นะคะ (พอดีอ่านเจอ)

สาววรรณกรรม-สาวอิสานรอรัก

Anonymous said...

ขอบคุณคับ คุณสาวอิสานสื่อรัก

Anonymous said...

เฮ้อ อยากดู แต่ต้องรอวีซีดีอีกแล้ว แต่น่าจะฮานะ หนังเรื่องนี้