Sunday, July 8, 2007

กะเทยประจัญบาน


เลิกแอบเสียที วิทยา แสงอรุณ 7-8 ก.ค. 2007 เซคชั่น MetroLife จาก นสพ. ผู้จัดการรายวัน วันเสาร์

คอลัมน์นี้ปิดล่วงหน้าเกือบหนึ่งอาทิตย์ครับ ข่าวฮ็อตเรื่อง “น้องมด Vs. โรงแรมโนโวเทล” เลยไม่สดตรงนี้ แต่ผมพบว่า หลังจากได้คุยกับน้องมดถึงพริกถึงขิงแล้ว เรื่องนี้ “มันส์หยด” จริงๆ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังข่าว

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิ.ย ศุทธิรัตน์ สิมศิริวงศ์ หรือ “มด” กับเพื่อนผู้ชายชาวต่างชาติไปเที่ยวที่ “Concept CM2” ซึ่งเป็นเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ชื่อดังอยู่ชั้นใต้ดินโรงแรมโนโวเทล สยามฯ เจ้าหน้าที่ต้อนรับขอตรวจบัตร น้องมดก็โชว์ใบขับขี่ พอเจ้าหน้าที่พบว่าเป็น “นาย” ก็แจ้งทันทีว่า เป็นนโยบายของผู้บริหารไม่อนุญาตสาวประเภทสองเข้า ทั้งๆ ที่สามอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เธอเคยไปที่นั่น แล้วไม่มีปัญหา

เพื่อนชายที่ไปด้วยกันซึ่งเป็นแขกระดับวีไอพีที่นั่น ขอพบผู้ช่วยผู้จัดการคลับฯ ซึ่งรู้จักกัน แต่ได้รับคำตอบว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะเป็น “นโยบาย” เพื่อนงง มดงง ปนสับสน โกรธ และโทษตัวเองว่าไม่น่ามาที่นี่เลย ตอนถูกปฏิเสธนั้น ทางด้านหลังเธอ มีแขกผู้หญิงสองสามคนกำลังรอจะผ่านประตูเข้าไป ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายมากยิ่งขึ้น

กลับถึงบ้าน มดบอกตัวเองว่า ยอมไม่ได้ เกิดมาไม่เคยโดยดูถูกขนาดนี้ และไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ความคิดแวบแรกของเธอคือ จะจ้างทนาย แต่คงต้องหาทนายที่เข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชน เธอเคยได้ยินชื่อองค์กรบางกอกเรนโบว์ ค้นหาในเน็ตก็พบเบอร์ติดต่อ กะว่าจะขอคำแนะนำเรื่องหาทนาย

คืนนั้น นิกร อาทิตย์ ประธานองค์กรฯ เตรียมจะเข้านอนอยู่แล้ว หลังจากรับทราบเรื่องจากเจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง เขาก็หูตาสว่าง ลืมง่วง ลุกขึ้นโทรกลับน้องมด คุยจบก็ขอคำยืนยันว่า สามารถ “ออกสื่อ” ได้แค่ไหน เพราะเรื่องนี้ ถ้าเจ้าทุกข์ไม่ปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ ไม่มีทางจัดการอะไรได้แน่ๆ

พอน้องมด (ซึ่งเรียนจบด้านสื่อสารมวลชน) บอกว่า พร้อมทุกอย่าง นิกรจึงลงมือพิมพ์ข่าว เปิดประเด็นให้สื่อมวลชน กว่าจะส่งแฟกซ์ไปตามสื่อต่างๆ ครบก็ตีหนึ่ง สื่อที่ให้ความสนใจกับกรณีนี้มากที่สุดก็คือ นสพ. ข่าวสด

คำถามแรกของนักข่าวคือ เชื่อได้แค่ไหน? นิกรคิดขึ้นได้ จึงโทรฯ ไปสอบถามทางโรงแรม ไม่พบผู้จัดการสถานบันเทิงแห่งนั้น แต่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ระดับซีเนียร์คนหนึ่ง ซึ่งยืนยันว่า เป็นนโยบายของโรงแรม พอนักข่าวได้รับคำยืนยันจากนิกร การสัมภาษณ์และถ่ายรูปก็เกิดขึ้นในวันอังคาร

น้องมดบอกด้วยว่า ได้รับแจ้งจากผู้สื่อข่าวว่า พาดหัวคงต้องแรงและต้องเข้าใจ เพราะถ้า “ไม่แรง จะไม่มีคนสนใจ” และแล้วข่าวจั่วหัว “ตุ๊ดโวย-โนโวเทล กีดกันเพศห้ามกะเทยเข้าผับ” ก็เผยออกมาในฉบับวันพุธ (27 มิ.ย.) ทีวีหลายช่องนำไปเสนออย่างครึกโครมทั้งข่าวเช้า ตลอดวัน และอีกสองสามวัน มีทีวีหลายรายการติดต่อเข้ามา

แล้วทางโนโวเทลว่ายังไง?

แถลงการณ์ของผู้จัดการใหญ่ของโนโวเทลปฏิเสธว่า ไม่ได้รังเกียจหรือกีดกันสาวประเภทสอง เคยจัดงาน และกิจกรรมเกี่ยวกับเกย์และกะเทยมาก่อน (ไม่ระบุว่า จัดครั้งสุดท้ายไปเมื่อไหร่) พร้อมยังแสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้บริการจึงมีการตรวจบัตร เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการสื่อสารและเข้าใจผิดของพนักงานต้อนรับ พร้อมแจ้งว่า บัตรและรูปหน้าของน้องมดไม่ตรงกัน ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่เคยมีนโยบายห้ามสาวประเภทสองเข้าใช้บริการ ทางโรงแรมกล่าวว่า เสียใจที่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้กล่าวคำขอโทษแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โรงแรมลืมข้อมูลสำคัญไปว่า วันนั้น น้องมดไปกับแขกระดับวีไอพีของคลับ ซึ่งข้ออ้างเรื่องความปลอดภัยจึงฟังเลื่อนลอยไปโดยปริยาย

กรณีโดนกีดกันทางเพศเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำแต่ไม่เป็นข่าว เพราะเจ้าทุกข์อายเกินกว่าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง การเปิดเผยตัวของน้องมด และไม่ยอมจำนนต่อสถานการณ์การถูกเลือกปฏิบัติทำให้คนอื่นๆ กล้าที่จะพูดมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และส่งผลตามมาอีกหลายอย่าง

สาวประเภทสองคนหนึ่งเพิ่งแจ้งทางบางกอกเรนโบว์ว่า ได้ไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังแห่งหนึ่ง หลังจากหิ้วของพะรุงพะรังจนไม่ไหว จึงนำไปฝาก แต่เจ้าหน้าที่รับฝากของไม่พอใจพร้อมบ่นว่า เป็นกะเทยแล้วยังเรื่องมากอีก

สาวประเภทสองคนนั้นจึงเขียนจดหมายร้องทุกข์ไปยังผู้บริหาร เวลาผ่านไปเป็นเดือน ไม่เคยได้รับการติดต่อ พอเธอเห็นข่าวน้องมด เลยลองโทรฯ ดู ปรากฏว่า ผู้รับผิดชอบรีบขอโทษขอโพย และแจ้งว่า หากมาที่ห้างอีกจะมาแสดงความเสียใจที่เกิดเรื่องขึ้นด้วยตัวเอง และสำทับด้วยว่า

ขอเพียงแต่ “ไม่อยากเป็นข่าวเหมือนโนโวเทลนะ”

และแล้วคำร้องทุกข์เรื่องการถูกเลือกปฏิบัติก็ตามมาเป็นพรวน มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งนั้น ไม่ใช่เพียงแต่สาวประเภทสอง แต่เกิดกับผู้หญิงทั่วไปอีกด้วย โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติ หรือมากับเพื่อนต่างชาติ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงขายบริการคงจะมีอยู่หลายๆ ที่ แต่การที่เจ้าหน้าที่โรงแรมเหมารวม หรือตีขลุมว่า แขกที่มาโรงแรมที่เป็นหญิงไทย หรือเป็นสาวประเภทสองจะมาทำมาหากิน จับแขก หรือมาก่อความไม่สงบในโรงแรมนั้น คงต้องหาวิธีการอื่น

กรณีของน้องมด ผมคิดว่า หากเธอทราบมาก่อนหรือมีป้ายติดประกาศให้เป็นที่รู้กันว่า ที่นี่มีกฎอย่างไร คงไม่เกิดเรื่องขึ้น ทางโนโวเทลอาจคิดว่า กะเทยเป็นแค่ประชาชนชั้นสอง คงไม่มีปากมีเสียง ซึ่งเป็นความคิดเช่นเดียวกันกับอีกหลายๆ คนในสังคมที่ยังรู้สึกเหยียดเพศอยู่ลึกๆ เรื่องทำนองนี้เป็นบทเรียนสำคัญทีเดียวล่ะครับ

สำหรับผู้ที่ถูกเลือกปฏิบัติเอง หากยังคงไม่ลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรี และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเพื่อให้สังคมลดอคติลง คงไม่มีวันเกิดขึ้น

ผมไม่แน่ใจว่า เหตุการณ์น้องมด VS โนโวเทล ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์นี้หรือเปล่า แต่สิ่งดีๆ ก็เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ ในวันศุกร์ที่ 29 มิ.ย นั่นเอง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญโหวตเปลี่ยนข้อความในมาตรา 30 วรรค 3 โดยเพิ่มคำว่า “อัตลักษณ์ทางเพศ” ขึ้นมาเพิ่มเติมจากคำว่า ชายและหญิง หลังจากมีการเรียกร้องให้บรรจุคำว่า “บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ” เพื่อคุ้มครองและสร้างความเสมอภาคมาก่อนหน้านี้

คำว่า “อัตลักษณ์ทางเพศ” อาจฟังดูแล้วยากจะเข้าใจ แต่ก็ถือว่า สังคมไทย ได้ยอมรับความแตกต่างทางเพศของประชาชน ยอมรับ “การมีตัวตน” ของเกย์ กะเทย ทอม ดี้ และเพศอื่นๆ อย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะผ่านเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ผมคิดว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ถึงเวลาแล้ว ที่คนเป็นเกย์ กะเทย และอื่นๆ ไม่สงบเสงี่ยมเจียมตน ยอมจำนนต่ออคติ และปล่อยให้อคติทำลายโอกาสดีๆ ในชีวิต

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากเปรียบไป ก็คล้ายชีวิตคนๆ หนึ่งแหละครับ หากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จุดประกาย หรือไม่มีเหตุการณ์ใดที่สร้างความสั่นสะเทือน ความเปลี่ยนแปลงคงไม่เกิดขึ้น เราคงจะอยู่อย่างนี้ตลอดไป ศิโรราบต่อสิ่งที่ใครๆ บอกว่าผิด

แล้วคุณผู้อ่านที่ยังแอบอยู่ละครับ คิดยังไง จะมีเหตุการณ์อะไรในชีวิตบ้างไหมที่จะทำให้คุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง กล้าที่จะยอมรับตัวเองกับคนอื่นๆ กล้าที่จะเผชิญความจริงของชีวิต และคิดว่าจะเลิกแอบได้?

บอกต่อกันไป : หากประสบเหตุถูกเลือกปฏิบัติ ติดต่อ สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ http://www.nhrc.or.th โทร. 0-2219-2980 โทรสาร 0-2219-2940 สายด่วนร้องเรียน 1377/ เป็นกำลังใจให้น้องมด noomoddang@yahoo.com หรือติดต่อองค์กรบางกอกเรนโบว์ bangkokrainbow@yahoo.com

-end-

All rights reserved.

3 comments:

Anonymous said...

หวัดดีครับพี่วิทย์

กรณีอย่าง "คุณมด" นี่ สมควรที่จะให้คุณมดร้องเรียกความเสียหาย ความสูญเสียและทำให้เสียชื่อเสียงได้รับความอับอาย อย่างถึงที่สุด ยอมความไม่ได้ เป็นไงก็เป็นกัน

ผับ บาร์ต่างๆ ที่เปิดขึ้นมา ก็เพื่อหวังกอบโกยเงินไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมคุณมดมีเงินแล้วถึงเข้าเที่ยวไม่ได้ ยิ่งเป็นระดับโรงแรมด้วยแล้ว ไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนี้

แล้วถ้าหากเป็นสาวประเภทสองที่เข้าพักที่โรงแรมโนโวเทลแล้ว อยากทราบว่า โนโวเทลจะรับสาวประเภทสองเข้าพักหรือเปล่า

ทำอย่างนี้ไม่สมควรมากๆ

เรียกร้องให้ถึงที่สุดนะครับ "คุณมด" จะคอยเป็นกำลังใจให้อยุ่ห่างๆ ครับ

"คนของความสะใจ"

Anonymous said...

อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐแล้ว มีข่าวน่าสนใจ 1 ข่าว ครับ เกี่ยวกับสมาชิกรัฐสภาหญิงของญี่ปุ่นจัดพิธิวิวาห์ที่สวนสาธารณะในเมืองนาโงยา

ตามไปอ่านได้ที่
http://www.thairath.co.th/news.php?section=international04&content=53861

Anonymous said...

ข่าวจากญี่ปุ่นนี้น่าชื่นชมมากๆคับ ขอปรบมือดังๆให้หญิงแกร่งคนเก่งคนนี้ด้วยครับ